วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สต๊าฟ ทริปเชียงคาน จ.เลย - เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ 13-15 เม.ย. 2557 จ้า

   สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ มน ค่ะ เป็นเด็กจบใหม่ เรียนด้านโรงแรมและท่องเที่ยวมา งานที่เราอยากทำคงต้องเป็นด้านทัวร์ เพราะชอบในการผจญภัยมากกว่าที่จะอยู่โรงแรม
    แต่อาจจะเป็นโชคดีของเรา เพราะเราจบมาแล้วได้งานทำเลย ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่หยิบยื่นโอกาสให้กับเด็กตัวน้อยๆอย่างเรา ^^

....ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะออกทัวร์ แต่ถ้าถามว่าอยากไปไหนมากกว่ากัน ตอบได้เลย ว่า อยากออกทัวร์มากกว่า....


    ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เริ่มทำงานกับบริษัท ดับเบิ้ล เอ็นจอย (ทัวร์เชียงคาน-เขาค้อ) ครั้งนี้พี่เค้าให้เราไปดูงาน แต่ครั้งหน้าเค้าจะให้เราออกเองคนเดียว ก่อนเดินทางก็แอบตื่นเต้นมาก เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปทางภาคเหนือซักเท่าไหร่ ครั้งนี้ได้ไปก็บอกกับตัวเองว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ลูกค้าที่เดินทางกับเราจะมีทั้งหมด 6 คน ซึ่งเป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ จุดนัดหมายของลูกค้าคือซอยลาซาน แต่เรากลัวไปไม่ทัน จึงออกเดินทางขึ้นรถตู้จากบ้านตั้งแต่5โมง ต่อด้วย BTS ไปลงลาซาน ถึงจุดนัดหมายก็ประมาน1ทุ่มโทรหาไกด์เปิ้ล พี่เปิ้ลก็ใกล้จะถึง พอเจอหน้าก็ทักทายสวัสดีทั้งพี่เปิ้ล และบังเมธี (คนขับรถ) จากนั้นลูกค้าก็โทรมา เตรียมตัวออกเดินทางกัน พอขึ้นรถ ก็มีแนะนำตัว และแจกขนมของว่างให้กับลูกค้าออกเดินทางสู่จังหวัดเลย......  ถึงแล้ววววววว จังหวัดซึ่งเดินทางไม่เคยถึง ฮ่าๆๆ. ตื่นๆๆๆ อันดับแรก แวะปั้มล้างหน้าล้างตากัน และพาลูกค้าเดินทางขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติภูเรือ อุณหภูมิตอนนี้ 17องศา อากาศหนาวมากเลยเมื่ออยู่บนยอดภูเรือ



 


                                         


   จากนั้นจึงแวะทานอาหารเช้า หน้าที่ของเรา คือเสริฟอาหารและน้ำให้กับลูกค้า และคอยดู ว่าลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มมั้ย ....... เมื่อทานอาหารกันเสร็จก็พาลูกค้าไปไหว้พระที่วัดเนรมิตวิปัสสนา วัดนี้เป็นวัดที่มีพระอุโบสถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ข้างในตกแต่งได้สวยงามมากๆ





        ภายในบริเวณวัดยังมีต้นสาละ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญมากในศาสนาพุทธ ทั้งตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน 


      แล้วต่อด้วยวัดพระธาตุศรีสองรัก สถานที่ซึ่งใครที่มาทัวร์ภูเรือ จะต้องไม่พลาด เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนเข้าวัดได้แจ้งลูกค้าว่า ไม่ควรสวมเสื้อผ้าสีแดงเข้า มีลูกค้าบางท่านใส่เสื้อออกสีแดงๆ จึงแนะนำให้เปลี่ยนก่อน ส่วนตัวเราก็ใช้เวลานี้ในการเสริช google เลย ว่าทำไมวัดนี้ถึงไม่ให้ใส่สีแดง ก็ได้ความมาว่าวัดนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในความรักใคร่ระหว่างประเทศไทย และประเทศลาว  "สีแดง"อาจเปรียบได้กับ "เลือด" ที่เป็นผลของการทำสงคราม คนโบราณจึงถือเรื่องนี้มาก จนปฏิบัติติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน



      หลังจากที่ลูกค้าได้เดินเวียนรอบพระธาตุเสร็จก็พามาดูพิพิธภัณฑ์ ผีตาโขน ที่วัดโพนชัย จากที่สังเกตุ ลูกค้าบอกเคยมาแล้ว ผิดกับเรา ที่ตื่นเต้นมากกกกก เพราะไม่เคยมา และยังได้สัมผัสบรรยากาศ ขบวนแห่วันสงกรานต์หน้าวัดอีกด้วย






      ถึงเวลา....รับประทานอาหารเที่ยงกันแว้ววววว. ก็ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร ก็ทำการ เสริฟอาหารและน้ำให้ลูกค้า เมื่อทานอาหารกันเสร็จ ก็ถึงเวลาเข้าที่พัก ที่พักที่เราได้เข้าพักมีชื่อว่าบ้านละมุน อุ่นโขง ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง เดินออกจากห้องพักก็สามารถชมบรรยากาศริมแม่น้ำโขงและสามารถมองเห็นฝั่งลาวได้ด้วย (ทัวร์เชียงคานส่วนใหญ่ของเรา จะให้พักริมแม่น้ำโขง) บรรยากาศดีเวอร์ ฟินน... หลังจากที่เช็คเรื่องกุญแจ เรื่องห้องเสร็จ ก็นัดเวลาลูกค้า เพื่อที่จะพาลูกค้าไปล่องเรือที่แม่น้ำโขง ..... เมื่อถึงเวลานัดหมาย ก็พาลูกค้าไปล่องเรือ สัมผัสบรรยากาศยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า และชมหมู่บ้านของไทยและลาว ริมฝั่งแม่น้ำโขง จากนั้นพาลูกค้าไปทานอาหารเย็น หลังทานอาหารเสร็จ ก็พาลูกค้าเข้าที่พัก และนัดหมายเวลาในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย......มนและไกด์เปิ้ลก็ได้เวลา ออกไปเดินเล่นตลาดเชียงคาน ยิ่งตกดึก คนก็ยิ่งครึกครึ้น ทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน แต่คนก็ยังเยอะอยู่ แล้วถ้าช่วงปลายปี คนจะแน่นขนาดไหน? เดินกันไปเดินกันมา ก็ได้ของฝากกลับมากันคนละอย่างสองอย่าง




 เมื่อเดินกันจนเมื่อย ก็ได้เวลาเข้าที่พักอาบน้ำนอน... คืนนี้ราตรีสวัสดิ์.    

......หกโมงเช้าได้เวลาตื่น อากาศข้างนอกดีมากๆ จึง อาบน้ำและออกมาตักบาตรข้าวเหนียวกัน




  เมื่อลูกค้าและเหล่าทีมงานทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางสู่ภูทอก ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นของเมืองเชียงคาน หลังจากนั้นปล่อยให้ลูกค้าได้เก็บภาพความประทับใจกัน




      หลังจากที่ออกจากภูทอกก็เดินทางกลับที่พัก เพื่อให้ลูกค้าได้อาบน้ำและเตรียมเก็บของ เพื่อออกเดินทางสู่จ.เพชรบูรณ์แวะรับประทานอาหารกลางวันกัน เมื่อเดินทางมาถึงจ.เพชรบูรณ์สถานที่ที่แรกที่จะพาไปคือ ภูทับเบิก ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ กว่าจะนั่งรถถึงจุดชมวิว ต้องดมยาดมกันเลยทีเดียว เพราะทางคดเคี้ยวมาก แต่ก็ไม่เสียแรงที่นั่งรถนานๆ เพราะข้างบนอากาศหนาวมาก วิวก็สวย น่ามากางเต้นท์นอนจริงๆ 




     เมื่อปล่อยให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปและเดินเล่นกันเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และเดินเท้าไปยัง ผาชูธง ลานหินปุ่ม ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามมาก กว่าจะเดินถึง แอบหอบเหมือนกันนะเนี่ย - -



      เมื่อได้เวลาเดินเท้ากลับไปที่รถ ฝนก็ใกล้จะตก ทุกคนเลยรีบเดิน น่าแปลกใจมาก ที่ตอนกลับออกมาใช้เวลาเดินน้อยกว่าตอนเดินเข้าไปข้างในอีก ฮ่าๆๆ

      เมื่อทุกคนพร้อมกันที่รถตู้แล้ว ก็ได้เวลาพาลูกค้าเดินทางเข้าที่พัก ระหว่างทาง ไกด์เปิ้ลได้พาแวะร้านกาแฟ ชื่อว่า Route 12 แค่เห็นหน้าร้านก็รู้สึกชอบล่ะ เพราะส่วนตัวชอบการตกแต่ง สไตล์นี้อยู่แล้ว เลยคิดในใจว่า มันน่านั่งจิบเบียร์พร้อมฟังเพลงชิลๆ จริงๆ เปลี่ยนจากร้านกาแฟเป็นร้านเหล้าเหอะ จะมาทุกปีเลย 5555 แต่ก็ได้แค่คิดในใจ ฮ่าๆๆ  วันนี้ตอนเย็นฝนตกตลอดเลย เลยต้องรีบถ่ายรูปและรีบออกเดินทาง เพราะถนนเส้นนี้ยังปรับปรุงไม่เสร็จ ถ้าดึกมากไปจะเสี่ยงต่ออันตราย






        เดินทางถึงที่พักแว้วววววว ชื่อว่าพรสวรรค์ รีสอร์ท น่ารักมาก เป็นบ้านหลังๆ พอเข้าไปด้านใน ก็จะมีบันไดขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่ใต้หลังคา(แอบน่ากลัว) เลยแซวบังเมธี(คนขับรถ)ว่าสนใจมานอนมั้ย แต่บังชั่งกล้าปฏิเสธ ขอตัวนอนในรถตัวเองแทน และแกยังแซวว่า ระวังนะคืนนี้ จะมีเสียงมาจากห้องใต้หลังคา 5555555555 ขนลุกเลย




   จากนั้นก็พาลูกค้าไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของรีสอร์ทและนัดหมายเวลาในวันพรุ่งนี้.... คืนนี้พักผ่อนกันเถอะจ่ะZz....

....อรุณสวัสดิ์ยามเช้า ไม่อยากจะตื่นเลย เพราะมันหนาวมากกกกกกกกกกก   แต่เมื่อมองนาฬิกาแล้ว เราควรจะตื่นได้ละ เดี๋ยวจะไม่ทัน

    หลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จ ก็แยกย้ายกันเก็บสัมภาระ ไกด์เปิ้ลจึงพาเดินไปยังจุดชมทะเลหมอกของรีสอร์ท มันสวยงามมากๆ หมอกเต็มท้องฟ้าเลย มองเห็นบ้าน เห็นสวน เห็นยอดเขา เต็มไปหมด อากาศก็ดี ขออยู่ที่นี่ต่อได้มั้ยอ่า คือชอบอ่า อากาศมันบริสุทธิ์มากๆ เลยคิดไว้ว่ายังไงก็ต้องกลับมาอีก




  บ้ายบายยยรีสอร์ท ออกเดินทางต่อ...

     วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ สถานที่จะไปในวันนี้คือ  วัดผาซ่อนแก้ว วัดนี้ตกแต่งสวยมาก เค้าเอาพวกเครื่องชามเบญจรงค์มาประดับไว้เต็มวัดเลย





แถมยังมีนกยูงให้ดูกันแบบใกล้ๆอีก





       หลังจากเดินชมในวัดกันเสร็จ ก็ออกเดินทางสู่ทุ่งแสลงหลวง และ ทุ่งนางพญา แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าทั้งทุ่งแสลงหลวงและทุ่งนางพญาเข้าไปไม่ได้ เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก  พวกเราจึงปรึกษาหารือกัน และได้ถามลูกค้าว่าอยากไปล่องเรือชมแมงกระพรุนน้ำจืดและผีเสื้อมั้ย ลูกค้าตกลงจึงได้พาไปล่องเรือ พร้อมกับมีไกด์ท้องถิ่นบรรยายตลอด แกก็จะมีมุกตลกๆให้เราขำกันบ้าง ถึงแม้ส่วนมากมุกจะแปกก็เหอะ 5555555   สภาพอากาศแบบนี้ทำให้ไม่เห็นแมงกระพรุน แต่ลูกค้าก็โอเคเพราะได้ไปดูฝูงผีเสื้อนับร้อยตัว  







        หลังจากล่องเรือกันเสร็จก็ได้เวลาแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านมาลี ซึ่งเป็นร้านที่เปิดมานานนับ 30 ปี ยังดีหน่อยที่ไกด์เปิ้ลโทรไปคอนเฟริมร้านอาหารก่อน เพราะลูกค้าเยอะมาก จนบางรายรอไม่ไหวต้องแคนเซิลและเปลี่ยนร้าน เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาล พนักงานจึงลางานกลับบ้านกันหมด แต่ทางโต๊ะเราก็ได้อาหารเร็ว ลูกค้าจึงไม่ต้องรออาหารนาน ตอนไปเสริฟอาหารมีลูกค้าโต้ะอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าเรา เรียกเราไปสั่งอาหาร แต่ก็ได้บอกไป ว่าไม่ใช่พนักงานค่ะ เป็นstaffทัวร์ คนที่ได้ยินก็ฮากันหมด(เราดูเหมือนเด็กเสริฟขนาดนั้นเลยหรอ = =")


      หลังจากทานอาหารกันเสร็จก็พาลูกค้าไปสักการะพระบรมธาตุกาญจนาพิเศษและแวะตำหนักเขาค้อ จากนั้นปล่อยให้ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย และเดินทางกลับกทม. แวะซื้อของฝากที่ร้านไร่กำนันจุล พอตกตอนเย็น ได้ปล่อยให้ลูกค้าทานอาหารเย็นกันตามอัธยาศัย ลูกค้าทุกท่าน ก็ได้พากันขอบคุณเราและไกด์ที่ได้ดูแลกันตลอดทริป ส่วนเราก็ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจให้เรามาคอยบริการส่งมอบความสุข และก็ขอขอบคุณไกด์เปิ้ลที่สอนงานและเล่าประสบการณ์ในการออกทัวร์ของพี่เค้า และขอขอบคุณบังเมธี ที่ขับรถมาส่งหน้าบ้านเลย 
  ทุกคนประทับใจกันมาก จากนั้นมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ หลับกันยาวๆ พร้อมความประทับใจที่ไม่มีวันลืม




เครดิตข้อมูล :  ทัวร์เชียงคาน เขาค้อ

1 ความคิดเห็น:

  1. น่ารักดีีครับ อยากให้นำสถานที่ต่างๆที่ไปมา นำมาเล่าให้ฟัง เหมือนเราอยุ่ในคณะทัวร์ไปด้วย 555
    ขอติดตามต่อครับ

    ตอบลบ