วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Part 4 ทริปนี้ ที่แม่ฮ่องสอน


ต่อจาก Part 3 นะคะ

ตอนนี้พวกเราก็กำลังเดินทางไปปาย จ.แม่ฮ่องสอนนะคะ กว่าจะถึงก็มืดกันเลยทีเดียว

      สิ่งแรกที่พวกเราทำ ตอนมาถึง ปาย คือ ทานข้าวเย็นค่ะ แบบว่า หิวมากอ่าาาาา เสียดายที่วันนี้ฝนตกปอยๆ ตลาดนัดคนเดิน จึงไม่ค่อยคึกคักมากนัก หันไปทางไหน ก็มีแต่ชาวต่างชาติ แทบจะไม่มีคนไทยเที่ยวเลย 

      เมื่อทานข้าวจนอิ่มแล้ว พวกเราก็ได้เดินเล่นที่ตลาดนัดคนเดิน ถึงของจะมีขายไม่มาก แต่พวกเราก็มีความสุขนะ พวกเราเดินกันไปเรื่อยๆ พูดคุยกัน มองไปสองข้าง ก็จะเต็มไปด้วยบรรดาร้านเหล้า ทำให้เราอยากจะก้าวขาเข้าไปจริงๆ 5555 แต่ต้องห้ามใจไว้ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า  

เมื่อถึงที่พัก ก็แทบจะล้มตัวลงนอนเลยยยย คืนนี้ Good night คร้า 


     อรุณสวัสดิ์ค่ะ วันนี้ตื่นเช้ามากกกกกก  พวกเราก็ได้เดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่เราไม่เห็นค่ะ คงเป็นเพราะวันนี้้ท้องฟ้าไม่เปิด เมฆและหมอกเยอะมาก 


ดูจากชุดก็น่าจะรู้เนอะ ว่ายังไม่อาบน้ำ ฮ่าๆ

นั่งจิบชา พูดคุยกัน มีความสุขดีนะ ^__^

       จากนั้นก็แวะทานโจ๊กตามข้างทาง บรรยากาศยามเช้านี้ ค่อนข้างคึกคักมากกว่าเมื่อวาน ผู้คน ออกมาค้าขาย ออกกำลังกาย พูดคุยกัน เริ่มรู้สึกว่าที่ปาย เริ่มน่าอยู่ขึ้นนะ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่เวอร์จนเกินไป

      เมื่อเราเข้าที่พัก ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นตลาดนัดคนเดินกัน ที่พักของที่นี่ มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน การตกแต่งก็มีหลากหลายสไตล์ให้เลือก ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่ปาย จะเป็นแนว Backpacker ช่วงนี้เป็นช่วง Low season ผู้คนจึงไม่ค่อยเยอะเหมือนกับช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วง High season สำหรับทัวร์ปาย


      หลังจากสำรวจที่พักและทานอาหารกันเสร็จก็แวะไปจุดชมวิวดอยกิ่วลม 
จุดชมวิวดอยกิ่วลมปางมะผ้าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งระหว่างการเดินทางจาก อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า สามารถมองทัศนียภาพของหุบเขา และเส้นทางที่คดเคี้ยวอยู่อีกไกลโพ้นได้อย่างสวยงาม ถ้าหากเดินทางมาถึงที่กิ่วลมปางมะผ้าในช่วงเช้า จะได้สัมผัสกับทะเลหมอกที่สวยงาม  ขอบอกว่า ลมเย็นมากกกก ผู้ใดมีรูปร่างผอมเพรียว เอวบาง ระวังจะปลิวนะคะ 5555 !!!!!

จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทางไปบ้านรักไทย จ.แม่ฮ่องสอน ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างหลายชั่วโมง เพราะต้องขึ้นเขา ทางขึ้นก็สลับซับซ้อน กว่าจะถึงก็เกือบมืดแล้ว 

อาหารเย็นในวันนี้เป็นอาหารจีนยูนาน เช่น ขาหมู หมั่นโถว เห็ดทอด โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบทานอาหารจีน แต่ที่นี่ต้องเปลี่ยนความคิดด่วนเลย เพราะอาหารอร่อยมาก เสริฟพร้อมกับชาร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น





บรรยากาศก่อนนอนค่ะ ตั้งวงกินเหล้า เอ้ย!!! ไม่ใช่ ตั้งวงเล่าเรื่องราวต่างๆของแต่ละคนกัน
สนุกปนเศร้ากันไป

คืนนี้ฝันดีค่ะ Zzz..


อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้ต้องเดินทางไปสำรวจที่ปางอุ๋ง หรือชื่อเรียกเต็มๆว่า "โครงการพระราชดำริปางตอง"

ในช่วงหน้า Low season นี้ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมามากนัก  ในวันนี้ปางอุ๋งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีภูมิทัศน์อันงดงาม ภายในอ่างเก็บน้ำอันสงบนิ่งมีหงส์สีขาวสีดำว่ายวนอย่างสง่างาม รอบอ่างเก็บน้ำยังล้อมรอบไปด้วยป่าสนสองใบและสนสามใบลำต้นเพรียวชะลูดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า บวกกับอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี ถ้ามาในช่วงหน้าหนาว จะเห็นสายหมอกกระทบกับแสงแดดสีทอง สวยราวกับภาพวาดเลยทีเดียว







      หลังจากที่สำรวจที่ปางอุ๋งเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินทาง ไปเชียงใหม่ โดยคืนนี้เราจะแวะพักที่เชียงใหม่หนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับกันค่ะ   ตัวเมืองเชียงใหม่ค่อนข้างคึกคักมาก ตามข้างทาง จะมีร้านเหล้า บาร์ ผับ เต็มไปหมด ที่พักเป็นอะไรที่หายากมาก กว่าพวกเราจะหาได้ก็ดึกพอสมควร แต่ที่พักที่เราได้คืนนี้ ค่อนข้างประทับใจมาก การตกแต่งที่นี่ เป็นสไตล์ บูติค คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป

ฝันดีคร้าฟฟ Zzz..


อรุณสวัสดิ์ค่ะ

...ตอนนี้เรากำลังเดินทางไปม่อนแจ่มกันค่ะ...

   อากาศบนนี้หนาวมากกกกกกกกกก วิวก็สวย สามารถมองรอบๆได้ 360 องศาเลย  อากาศก็ดี เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งเลยอ่า 



หลังจากที่ถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ก็แวะทานกาแฟที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 


ได้เวลาเดินทางกลับกทม.จ้าา แวะซื้อของฝากที่กาดทุ่งเกวียน จ.ลำปาง กว่าจะถึงกทม. ก็เกือบๆ ห้าทุ่มเลย



นอนพักผ่อน พรุ่งนี้ทำงานต่อ ฮ่าๆๆๆ


.....จบทริปอย่างสวยงามม ฟิ้วววววว.....


     สำหรับทริปนี้ ต้องขอขอบคุณ พี่แพท พี่เบย์ พี่โจ้ และ บริษัท Double Enjoy ที่ให้โอกาสในการมาศึกษาเส้นทางในครั้งนี้  และขอขอบคุณ พี่แพท พี่เบย์ พี่ต่อ ที่เป็นทั้งผู้ร่วมเดินทาง เจ้านาย  พี่ชาย และพี่สาว ที่คอยช่วยเหลือ นะจ๊ะ 
ต่อไปจะตั้งใจทำงาน และจะพัฒนาตัวเองให้มากยิ่งขึ้นค่ะ






เครดิตข้อมูล :  ทัวร์ปาย

Part 3 ทริปนี้ ที่เชียงใหม่


ต่อจาก Part 2 นะคะ


อรุณสวัสดิ์จ้า ได้เวลาทานอาหารเช้า เตรียมตัวเดินทางสู่ จังหวัดเชียงใหม่เจ้า

ตอนนี้พวกเรากำลังขึ้นไปบนดอยอ่างขางนะคะ ทางขึ้นเขาค่อนข้างคดเคี้ยวมาก ต้องหยิบยาดมขึ้นมาดมกันเลยทีเดียว

เมื่อถึงบนดอย พวกเราก็ตะเวนหาที่พักที่เปิดใหม่และเข้าไปถามราคา และ รายละเอียดต่างๆ
อากาศบนนี้ค่อนข้างเย็นสบายค่ะ ชาวบ้านบนดอยก็เริ่มเตรียมปลูกพืชผักฤดูหนาวกันแล้ว 




หลังจากที่เราสำรวจเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางไปสถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง

      แวะจิบกาแฟ ซื้อโปสการ์ด กันซักนิด ตอนนี้เจ้าหน้าที่แต่ละคนในสถานีก็เริ่มลงมือจัดสวน ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ต้อนรับช่วงฤดูหนาวกันแล้ว ใครที่มาเที่ยวในช่วงปลายปีก็จะได้เห็นพันธุ์ไม้ต่างๆ ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

เมื่อได้เวลาจิบกาแฟกันพอสมควร ก็แวะทานอาหารกลางวัน แล้วเตรียมตัวไป จ. แม่ฮ่องสอนกันจ้า

      ระหว่างทาง ได้แวะทานกาแฟ ร้านนี้มีชื่อว่า กาแฟหมอกหลวง ร้านตกแต่งน่ารัก มีการจัดสวนบริเวณรอบๆด้วย แต่ตอนไป ฝนตกปอยๆ เราจึงต้องนั่งด้านใน

ว่าแต่ พึ่งจะกินกาแฟบนดอยอ่างขางกันเองนะ กินอีกแล้วหรอ 55555




...ขออภัยนะคะ ที่ไม่ได้ลงรูปร้านอาหาร และที่พัก เนื่องจากเป็นความลับทางบริษัทค่ะ... 

อ่านต่อ Part 4 เลยจ้า






เครดิตข้อมูล :  ทัวร์เชียงใหม่

Part 2 ทริปนี้ ที่เชียงราย


ต่อจาก Part 1 นะคะ


       อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าค่ะ วันนี้ตื่นเช้ามาก เพราะต้องเดินทางไปเชียงราย และต้องขึ้นดอยแม่สลองอีก กว่าจะถึง ก็เกือบๆ แปดโมงแล้ว อากาศเย็นมากกกกกกกกกกกกกก พอถึงบนดอยเริ่มไม่ค่อยคุ้นล่ะ เพราะเริ่มมีภาษาเพื่อนบ้านแทรกเข้ามาเรื่อยๆ 5555 ปัจจุบันชุมชนชาวจีนบนดอยแม่สลอง มีชื่อว่า หมู่บ้านสันติคีรี ตั้งอยู่ที่ ความสูงจาก ระดับน้ำทะเล เฉลี่ย 1,200 ม. อากาศเย็นสบายตลอดปี รายได้หลัก มาจากการปลูกชาอู่หลง บ้านสันติคีรี เป็นชุมชน ขนาดใหญ่ มีประชากร ประมาณ 800 หลังคาเรือน มีทั้งวัด โบสถ์คริสต์ มัสยิด ระบบไฟฟ้า โทรศัพท์ และธนาคารทหารไทย ที่ให้บริการอย่างสมบูรณ์แบบบนดอยนี้จะมีหลายเชื้อชาติ เช่น อาข่า ลีซอ คนไทยเชื้อสายจีน และไทยใหญ่ จะสังเกตได้จากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และภาษาที่โชว์ตามร้านค้าข้างถนน



      สัญลักษณ์ของที่นี่คือ ชา  ดังนั้นอาชีพหลักของที่นี่ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยปลูกชาและพืชผักเมืองหนาว



ไร่ชา 101



ดอกของต้นชา


การคัดเลือกชาของชาวบ้าน

        ถึงเวลา Coffee Break แว้ววว แนะนำร้านนี้นะคะ ชื่อร้าน Sweet Maesalong เปิดมา 8  ปีแล้วค่ะ รสชาติกาแฟและเค้ก ขอเน้นว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ต้องมาลอง


ภาพนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับกาแฟและเค้กเลย 55555



จากนั้นพวกเราก็ได้แวะเข้าไปถ่ายรูปที่วัดสันติคีรี แอบสงสัยว่าวัดมีแค่นี้หรอ แต่มีป้ายว่าเดินขึ้นเขาไปอีก 300 เมตร แต่พวกเราก็ไม่ได้เอะใจ


     จนเมื่อถ่ายรูปกันเสร็จแล้วกำลังจะขับรถลงจากดอย ก็มีป้าย พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี อยู่ข้างทาง จึงสงสัยว่าวัดเมื่อกี้กับพระบรมธาตุอันเดียวกันหรือเปล่า??  พวกเราจึงได้ขับรถขึ้นไป ทางค่อนข้างคดเขี้ยวมาก สายฝนก็ยังคงเทลงมาเรื่อยๆ 

      พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า และยังเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของดอยแม่สลอง


เข้าไปชม ข้างในกันนะคะ


ใครเข้าไปแล้วตั้งเหรียญไม่ได้ นี่ไม่โปรเลยนะ 5555




แวะทานชา และพูดคุยกับพนักงานที่นี่ พนักงานค่อนข้างยิ้มแย้มแจ่มใส และชงชาให้เราชิมหลายๆ กลิ่น โดยไม่มีท่าทีหวงของเลย เราก็ชิมกันไปเรื่อยๆ 5555555 



ได้เวลาออกเดินทางต่อค่ะ สถานที่ต่อไป ที่เราจะไป คือ ดอยวาวี 

      ดอยวาวีเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ของชาวจีนฮ่อ บนดอยวาวี ยังมีความเป็น เอกลักษณ์ อีกอย่างหนึ่ง ที่ชวนให้หลงใหล  นั่นก็คือ เสน่ห์แห่ง "ชา" ที่ชาวบ้านบนดอยวาวี ปลูกกันเป็น อาชีพหลัก เพราะที่นี่มีชาวจีนฮ่อ หรือจีนยูนนานมาอาศัยอยู่ ยุคเดียวกับกองพล 93 ที่ ดอยแม่สลอง ส่งผลให้บนดอยวาวีนิยมปลูกชากันมาก ชาบนดอยวาวี มีทั้งชาพันธุ์พื้น เมืองสายพันธุ์ "อัสสัม" ชาสายพันธุ์ไต้หวันอย่างชิงชิง เบอร์ 12, 13 และชา "อู่หลง" ที่มีความโดดเด่น เป็นอย่าง ยิ่ง เพราะดอยวาวี ถือเป็นแหล่งปลูกชาอู่หลงแห่งแรกของเมืองไทย 

รีสอร์ทที่นี่ค่อนข้างน้อย เราจึงใช้เวลาอยู่บนดอยไม่นาน

      จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังดอยช้าง โดยมี GPS นำทางอยู่ ทางที่คุณ GPS แนะนำ มันคือการอ้อมโลกค่ะ เส้นทางคดเคี้ยวไปมา ฝนก็ตก ถนนลื่น กว่าจะถึงบนดอย ก็เกือบมืดเลยทีเดียว
เมื่อถึงบนดอย พวกเราก็ไม่สามารถไปสำรวจที่ไหนได้ เพราะฝนตก และไม่สะดวกเท่าไหร่ 

      แต่บนดอยช้างนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ กาแฟ สภาพอากาศจึงเหมาะสำหรับปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้า ทำให้ได้ผลผลิตดี ทางศูนย์ติดตั้งเครื่องคั่วบดกาแฟ เพื่อแปรรูปวัตถุดิบ มีกาแฟที่คั่วบดแล้วให้นักท่องเที่ยวได้ลองชิม รวมถึงแปลงปลูกผลไม้เมืองหนาว เช่น เกาลัด มะคาเดเมียนัต บ๊วย ท้อ พลับ พลัม ฯลฯ



      หลังจากลงจากดอยช้าง ก็แวะทานข้าวเย็น และ ได้หาที่พักในคืนนี้ แต่ทุกอย่างไม่ได้เรียบง่ายเสมอไป พวกเราค้นใน google จนเจอกับที่พักที่หนึ่ง (ขอไม่เอ่ยนาม) ซึ่งรูปในเน็ต ดูสวยงามมาก พวกเราจึงโทรสอบถาม ซึ่งพนักงานได้บอกว่า ที่พักห่างจากถนนใหญ่ไม่ถึงกี่โล ทางข้างใน ไม่มีการก่อสร้าง อยู่ใกล้ๆกับน้ำตกแห่งหนึ่ง เมื่อพวกเราเข้าไป สิ่งที่เราเจอคือ ถนนดินโคลน และขอย้ำ!!! ว่าไกลมาก กว่าจะถึง ทุกคนเริ่มท้อแต่ก็ไม่ถอย จนในที่สุดก็หาที่พักจนเจอ ซึ่งอยู่ลึกมากกก ไฟข้างทางก็ไม่มี สิ่งแรกที่เห็นเมื่อมาถึง คือพนักงานแต่งตัวแบบพื้นบ้าน เห้ยย แอบน่ากลัวอ่า T^T จึงขอเค้าเข้าไปดูข้างใน เมื่อก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน ขนลุกทันที ข้างในบ้านประดับตกแต่งไปด้วยไม้เก่าๆ รูปที่ติดฝาผนัง เป็นรูปเจ้านางสมัยโบราณ ของตกแต่งบ้านจะเน้นทำด้วยไม้ จึงเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก ฝนก็ตกไม่หยุด พวกเราก็ไม่กล้านอนกัน ก็เลยต้องขอโทษเค้าและขับรถออกมา ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ บนรถเงียบมาก ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อย ง่วง หรือกลัวกันแน่ พอหลุดมาจากทางไปรีสอร์ท ทุกคนถอนหายใจพร้อมกัน !!!!! คือมันน่ากลัวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก O.O

      คืนนี้พวกเราจึงได้ที่พักที่ อ.ฝาง 
แต่ขอบอก คืนนี้ มนนอนไม่หลับจ้าาาา ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เล้ยยย แต่ยังไง เราก็ต้องทนให้ได้ เพราะ เจ้านาย ได้บอกไว้ ว่าถ้ากลัวผี แล้วจะเป็นไกด์ได้ยังไง เพราะไกด์ต้องนอนคนเดียวนะ ???
แสดงว่า เจ้านายไม่กลัว งั้นว่างๆ จะชวนไปบ้านผีสิงนะคะ 55555555555

คืนนี้หลับฝันดีค่ะ กู้ด ไนท์ Zzzz....


...ขออภัยนะคะ ที่ไม่ได้ลงรูปร้านอาหาร และที่พัก เนื่องจากเป็นความลับทางบริษัทค่ะ... 

อ่านต่อ Part 3 เลยจ้า







เครดิตข้อมูล :  ทัวร์ดอยแม่สลอง

Part 1 ทริปนี้ ที่น่าน

"การเดินทางในครั้งนี้ ไม่ใช่การเดินทางกับลูกค้า แต่เป็นการเดินทางเพื่อลูกค้า"

เหตุใดที่ต้องสำรวจนะหรอ???
      ก็เพราะลูกค้าได้ซื้อทัวร์กับเรา ลูกค้าย่อมมีความคาดหวังสูงอยู่แล้ว เราจะมาทำโปรแกรมทัวร์แบบมักง่ายไม่ได้ เราจะต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร เส้นทาง สถานที่ต่างๆ ฯลฯ เราจะต้องคอยอัพเดตทุกๆอย่างให้ทันสมัยที่สุด เมื่อลูกค้าได้ไปเที่ยว เค้าจะได้รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปกับเรา แล้วครั้งต่อไป เค้าอาจจะกลับมาใช้บริการกับเราอีกครั้งก็ได้

       เส้นทางนี้จะสำรวจทั้งหมด 7 วัน 23-30 ก.ค. 2557   4 จังหวัด   มีสมาชิก เดินทางทั้งหมด 4 คน คือ พี่แพท พี่เบย์ และพี่ต่อ เดินทางโดย พี่ NA(VARA)  เริ่มจากจังหวัดน่านกันเลยนะคะ

       วันแรกออกเดินทางตั้งแต่เช้าตู่ บอกตามตรงเลยมนไม่ค่อยได้ไปทางภาคเหนือเท่าไหร่ เท่าที่จำได้ก็มีแค่จังหวัดลำปางกับตาก แต่ก็เป็นสิบๆปีมาแล้ว เดินทางครั้งนี้ จึงต้องเก็บรายละเอียดให้มากที่สุดจังหวัดที่เราผ่าน แล้วมนจำได้ (แอบหลับ 555) ก็คือจังหวัดนครสวรรค์  จังหวัดพิษณุโลก พอถึงจังหวัดอุตรดิตถ์เราก็แวะทานข้าวกัน ตามข้างทานจะมีทุเรียนขายอยู่ เราก็ลงไปกับพี่ ซึ่งพี่เค้าอยากกินทุเรียนลับแล แต่พอถามราคาเท่านั้นแหละ Say good bye เลยจ้า โลตั้ง 300 บาท ทำไมแพงจังฟะ ก็เลยอดกินเลย  เสร็จแล้วก็ผ่านจังหวัดแพร่ แล้วก็มาถึงจังหวัดน่าน เส้นทางที่เราไปไม่ใช่เส้นทางที่พาลูกค้ามา แต่เป็นเส้นทางที่ขึ้นเขา ลงเขา ยิ่งขึ้นเขาสูงๆ อากาศก็ยิ่งเย็นสบาย มีแสงแดดอ่อนๆ วิวรอบๆก็เป็นภูเขาสลับกันไปมา ถึงกับต้อง เปิดกระจก รับลมกันเลยทีเดียว ตอนนี้ไม่ห่วงดำล่ะ 5555555



       สถานที่แรกที่เราไป คือ ดอยผาชู้ แค่ชื่อดอยก็รู้แล้ว ว่า มีตัวละคร 3 คน 555 อากาศบนนี้ค่อนข้างเย็นมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ( ก็ใช่นะสิ เค้ามากันช่วงหน้าหนาว ฮ่าๆ )




        จากนั้นเราก็เดินทางไป ดอยเสมอดาว เราคงมาผิดเวลา ฝนเริ่มตกปอยๆ เมื่อเราเดินมาถึงบนจุดชมวิว ฝนก็เทลงมาอย่างหนักเลย สภาพตอนนี้ ลูกหมาตกน้ำชัดๆ แต่เราก็ไม่ละความพยายามในการถ่ายรูป 5555 มองไปข้างๆ จะเห็นผาหัวสิงห์ท่ามกลางฝนและหมอก ใน่ชวงปลายปีจะเปิดให้ลูกค้าสามารถกางเต้นท์นอนได้ อากาศช่วงนั้นคงหนาวมากถึงมากที่สุดแน่ๆ






     ถึงเวลาลงจากดอย พวกเราก็เดินทางไปร้านกาแแฟเล็กๆ เพื่อทานอาหารว่าง เช่นขนมปัง ไอติม กาแฟ รสชาติอร่อยดีนะ แต่ค่อนข้างทำช้าไปนิดนึง

      จากนั้นก็แวะทานอาหารเย็น ตลอดทางที่อยู่ในตัวเมืองน่าน เราจะได้เห็นวัดต่างๆ ประดับตกแต่ง เปิดไฟกันอย่างสวยงาม วัดที่น่านมีหลายวัดมาก เราจึงคุยกันว่า พรุ่งนี้จะตื่นเช้าเพื่อไปทำบุญที่วัดกัน จากนั้นก็เข้าที่พัก การหาที่พักของเรา ไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า เราเปิดอินเตอร์เน็ตหากันตอนนั้นเลย 5555 โทรไปแต่ละที่ มีทั้งเต็มบ้าง เข้าไปดูแล้วไม่สวยบ้าง ไม่รับสายเราบ้าง จนกว่าจะหาที่พักได้ก็ เกือบๆเที่ยงคืน
ในที่สุดเราก็มีที่นอนแว้ววว คืนนี้ก็ได้เวลาพักผ่อนละ เหนื่อยกันมาทั้งวัน  Good night คร้าฟ Zzzzz...


        เริ่มต้นวันที่สอง ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้เวลาไหว้พระ ทำบุญ วัดแรกที่เราไป ชื่อวัดพระธาตุเขาน้อย ซึ่งบริเวณลานชมทิวทัศน์ จะประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร 





      จากนั้นก็ต่อด้วยวันที่สอง ชื่อวัดศรีพันต้น ตัวพระอุโบสถจะประดับไปด้วยสีทองทั้งหลัง ยิ่งตอนกลางคืนจะเป็นอะไรที่สวยมากๆเลย



ตามมาด้วยวัดมิ่งเมือง มาทัวร์น่านทั้งที ถ้าไม่สักการะศาลหลักเมืองก็เหมือนมาไม่ถึงเนอะเราก็ได้แยกย้ายกันไปไหว้พระ 


       หลังจากอิ่มบุญกันในช่วงเช้าแล้ว เราก็หาข้าวกลางวันกินกัน และคอยสำรวจร้านอาหาร และที่พักตลอดทาง ว่ามีที่ไหน ที่น่าใช้บริการบ้าง 


        ตอนบ่าย เราก็ยังแวะไหว้พระอีกหลายวัด เช่นวัด พระธาตุแช่แห้ง วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส เงาสะท้อนจากแสงแดง ทำให้พระธาตุเป็นสีทองอร่ามสวยงามมาก 




     ตกบ่าย มีคนแก่อยากกินกาแฟ 55555 พวกเราจึงวนหาร้านกาแฟอยู่หลายที่ จนมาเจอร้านสไตล์วัยรุ่น คนแก่ห้ามเข้า 5555 ล้อเล่นจ่ะ ร้านนี้ขายทั้งกาแฟ และรถเวสป้า แต่เราเข้ามาร้านนี้เพื่อซิ้อกาแฟนะ ไม่ใช่เวสป้า เพราะแพงเวอร์ 5555 รสชาติถือว่าใช้ได้ ให้ผ่าน จากนั้นก็ลุยหาที่พักกันต่อ 






        เจออีกวัดแล้ว ชื่อ วัดภูมินทร์ ค่ะ ตั้งแต่มาน่าน เราก็สงสัยว่าทำไมทุกๆที่ถึงมีแต่รูป ที่ฝ่ายชายจับบ่าหญิงสาวและใช้มือป้องปากเหมือนกระซิบอะไรกันอยู่ ซึ่งก็ได้รู้มาว่า ภาพนี้เป็นภาพทีขึ้นชื่อของที่น่านมาก มีชื่อว่า “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทิศตะวันตก ของวัดนี้ ไม่มีใครรู้ว่า เค้ากระซิบอะไรกัน เราเองจึงต้องใช้จินตนาการในการเดาถ้อยคำของภาพเหล่านี้






หลังจากไหว้พระ และสำรวจที่พักในตัวเมืองน่านเสร็จ ก็ได้เวลาเดินทางไปหาข้าวเย็นกินกันซักที เย้ๆๆๆ

คืนนี้เรานอนที่ อ.ปัว จ.น่าน นะคะ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์คร้าาา ZZzzz...

.....อรุณสวัสด์ วันที่สามแล้ววว เช้านี้ตื่นมารับประทานอาหาร แล้วออกไปหาที่พักกันต่อจ้าาา ที่พักที่น่าน ส่วนมากที่เราเจอ จะปลูกต้นลำไยไว้เยอะมาก เจ้าของที่พักก็ไม่ได้ว่าอะไรเรา แถมให้เราเด็ดกินได้ตามใจชอบเลย 555555 




       หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ใช้เวลาทั้งวันในการหาที่พัก จนคืนนี้ เราจึงต้องแวะพักที่จังหวัดเชียงราย พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อ  ฝันดีค่ะ Zzzz...

...ขออภัยนะคะ ที่ไม่ได้ลงรูปร้านอาหาร และที่พัก เนื่องจากเป็นความลับทางบริษัทค่ะ... 

อ่านต่อ Part 2 เลยจ้า






เครดิตข้อมูล :  ทัวร์น่าน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สต๊าฟ ทริปเชียงคาน จ.เลย - เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ 13-15 เม.ย. 2557 จ้า

   สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ มน ค่ะ เป็นเด็กจบใหม่ เรียนด้านโรงแรมและท่องเที่ยวมา งานที่เราอยากทำคงต้องเป็นด้านทัวร์ เพราะชอบในการผจญภัยมากกว่าที่จะอยู่โรงแรม
    แต่อาจจะเป็นโชคดีของเรา เพราะเราจบมาแล้วได้งานทำเลย ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่หยิบยื่นโอกาสให้กับเด็กตัวน้อยๆอย่างเรา ^^

....ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะออกทัวร์ แต่ถ้าถามว่าอยากไปไหนมากกว่ากัน ตอบได้เลย ว่า อยากออกทัวร์มากกว่า....


    ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เริ่มทำงานกับบริษัท ดับเบิ้ล เอ็นจอย (ทัวร์เชียงคาน-เขาค้อ) ครั้งนี้พี่เค้าให้เราไปดูงาน แต่ครั้งหน้าเค้าจะให้เราออกเองคนเดียว ก่อนเดินทางก็แอบตื่นเต้นมาก เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปทางภาคเหนือซักเท่าไหร่ ครั้งนี้ได้ไปก็บอกกับตัวเองว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ลูกค้าที่เดินทางกับเราจะมีทั้งหมด 6 คน ซึ่งเป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ จุดนัดหมายของลูกค้าคือซอยลาซาน แต่เรากลัวไปไม่ทัน จึงออกเดินทางขึ้นรถตู้จากบ้านตั้งแต่5โมง ต่อด้วย BTS ไปลงลาซาน ถึงจุดนัดหมายก็ประมาน1ทุ่มโทรหาไกด์เปิ้ล พี่เปิ้ลก็ใกล้จะถึง พอเจอหน้าก็ทักทายสวัสดีทั้งพี่เปิ้ล และบังเมธี (คนขับรถ) จากนั้นลูกค้าก็โทรมา เตรียมตัวออกเดินทางกัน พอขึ้นรถ ก็มีแนะนำตัว และแจกขนมของว่างให้กับลูกค้าออกเดินทางสู่จังหวัดเลย......  ถึงแล้ววววววว จังหวัดซึ่งเดินทางไม่เคยถึง ฮ่าๆๆ. ตื่นๆๆๆ อันดับแรก แวะปั้มล้างหน้าล้างตากัน และพาลูกค้าเดินทางขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติภูเรือ อุณหภูมิตอนนี้ 17องศา อากาศหนาวมากเลยเมื่ออยู่บนยอดภูเรือ



 


                                         


   จากนั้นจึงแวะทานอาหารเช้า หน้าที่ของเรา คือเสริฟอาหารและน้ำให้กับลูกค้า และคอยดู ว่าลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มมั้ย ....... เมื่อทานอาหารกันเสร็จก็พาลูกค้าไปไหว้พระที่วัดเนรมิตวิปัสสนา วัดนี้เป็นวัดที่มีพระอุโบสถขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ข้างในตกแต่งได้สวยงามมากๆ





        ภายในบริเวณวัดยังมีต้นสาละ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญมากในศาสนาพุทธ ทั้งตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน 


      แล้วต่อด้วยวัดพระธาตุศรีสองรัก สถานที่ซึ่งใครที่มาทัวร์ภูเรือ จะต้องไม่พลาด เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนเข้าวัดได้แจ้งลูกค้าว่า ไม่ควรสวมเสื้อผ้าสีแดงเข้า มีลูกค้าบางท่านใส่เสื้อออกสีแดงๆ จึงแนะนำให้เปลี่ยนก่อน ส่วนตัวเราก็ใช้เวลานี้ในการเสริช google เลย ว่าทำไมวัดนี้ถึงไม่ให้ใส่สีแดง ก็ได้ความมาว่าวัดนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในความรักใคร่ระหว่างประเทศไทย และประเทศลาว  "สีแดง"อาจเปรียบได้กับ "เลือด" ที่เป็นผลของการทำสงคราม คนโบราณจึงถือเรื่องนี้มาก จนปฏิบัติติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน



      หลังจากที่ลูกค้าได้เดินเวียนรอบพระธาตุเสร็จก็พามาดูพิพิธภัณฑ์ ผีตาโขน ที่วัดโพนชัย จากที่สังเกตุ ลูกค้าบอกเคยมาแล้ว ผิดกับเรา ที่ตื่นเต้นมากกกกก เพราะไม่เคยมา และยังได้สัมผัสบรรยากาศ ขบวนแห่วันสงกรานต์หน้าวัดอีกด้วย






      ถึงเวลา....รับประทานอาหารเที่ยงกันแว้ววววว. ก็ออกเดินทางไปยังร้านอาหาร ก็ทำการ เสริฟอาหารและน้ำให้ลูกค้า เมื่อทานอาหารกันเสร็จ ก็ถึงเวลาเข้าที่พัก ที่พักที่เราได้เข้าพักมีชื่อว่าบ้านละมุน อุ่นโขง ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง เดินออกจากห้องพักก็สามารถชมบรรยากาศริมแม่น้ำโขงและสามารถมองเห็นฝั่งลาวได้ด้วย (ทัวร์เชียงคานส่วนใหญ่ของเรา จะให้พักริมแม่น้ำโขง) บรรยากาศดีเวอร์ ฟินน... หลังจากที่เช็คเรื่องกุญแจ เรื่องห้องเสร็จ ก็นัดเวลาลูกค้า เพื่อที่จะพาลูกค้าไปล่องเรือที่แม่น้ำโขง ..... เมื่อถึงเวลานัดหมาย ก็พาลูกค้าไปล่องเรือ สัมผัสบรรยากาศยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า และชมหมู่บ้านของไทยและลาว ริมฝั่งแม่น้ำโขง จากนั้นพาลูกค้าไปทานอาหารเย็น หลังทานอาหารเสร็จ ก็พาลูกค้าเข้าที่พัก และนัดหมายเวลาในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย......มนและไกด์เปิ้ลก็ได้เวลา ออกไปเดินเล่นตลาดเชียงคาน ยิ่งตกดึก คนก็ยิ่งครึกครึ้น ทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน แต่คนก็ยังเยอะอยู่ แล้วถ้าช่วงปลายปี คนจะแน่นขนาดไหน? เดินกันไปเดินกันมา ก็ได้ของฝากกลับมากันคนละอย่างสองอย่าง




 เมื่อเดินกันจนเมื่อย ก็ได้เวลาเข้าที่พักอาบน้ำนอน... คืนนี้ราตรีสวัสดิ์.    

......หกโมงเช้าได้เวลาตื่น อากาศข้างนอกดีมากๆ จึง อาบน้ำและออกมาตักบาตรข้าวเหนียวกัน




  เมื่อลูกค้าและเหล่าทีมงานทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางสู่ภูทอก ซึ่งเป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นของเมืองเชียงคาน หลังจากนั้นปล่อยให้ลูกค้าได้เก็บภาพความประทับใจกัน




      หลังจากที่ออกจากภูทอกก็เดินทางกลับที่พัก เพื่อให้ลูกค้าได้อาบน้ำและเตรียมเก็บของ เพื่อออกเดินทางสู่จ.เพชรบูรณ์แวะรับประทานอาหารกลางวันกัน เมื่อเดินทางมาถึงจ.เพชรบูรณ์สถานที่ที่แรกที่จะพาไปคือ ภูทับเบิก ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ กว่าจะนั่งรถถึงจุดชมวิว ต้องดมยาดมกันเลยทีเดียว เพราะทางคดเคี้ยวมาก แต่ก็ไม่เสียแรงที่นั่งรถนานๆ เพราะข้างบนอากาศหนาวมาก วิวก็สวย น่ามากางเต้นท์นอนจริงๆ 




     เมื่อปล่อยให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปและเดินเล่นกันเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และเดินเท้าไปยัง ผาชูธง ลานหินปุ่ม ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามมาก กว่าจะเดินถึง แอบหอบเหมือนกันนะเนี่ย - -



      เมื่อได้เวลาเดินเท้ากลับไปที่รถ ฝนก็ใกล้จะตก ทุกคนเลยรีบเดิน น่าแปลกใจมาก ที่ตอนกลับออกมาใช้เวลาเดินน้อยกว่าตอนเดินเข้าไปข้างในอีก ฮ่าๆๆ

      เมื่อทุกคนพร้อมกันที่รถตู้แล้ว ก็ได้เวลาพาลูกค้าเดินทางเข้าที่พัก ระหว่างทาง ไกด์เปิ้ลได้พาแวะร้านกาแฟ ชื่อว่า Route 12 แค่เห็นหน้าร้านก็รู้สึกชอบล่ะ เพราะส่วนตัวชอบการตกแต่ง สไตล์นี้อยู่แล้ว เลยคิดในใจว่า มันน่านั่งจิบเบียร์พร้อมฟังเพลงชิลๆ จริงๆ เปลี่ยนจากร้านกาแฟเป็นร้านเหล้าเหอะ จะมาทุกปีเลย 5555 แต่ก็ได้แค่คิดในใจ ฮ่าๆๆ  วันนี้ตอนเย็นฝนตกตลอดเลย เลยต้องรีบถ่ายรูปและรีบออกเดินทาง เพราะถนนเส้นนี้ยังปรับปรุงไม่เสร็จ ถ้าดึกมากไปจะเสี่ยงต่ออันตราย






        เดินทางถึงที่พักแว้วววววว ชื่อว่าพรสวรรค์ รีสอร์ท น่ารักมาก เป็นบ้านหลังๆ พอเข้าไปด้านใน ก็จะมีบันไดขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่ใต้หลังคา(แอบน่ากลัว) เลยแซวบังเมธี(คนขับรถ)ว่าสนใจมานอนมั้ย แต่บังชั่งกล้าปฏิเสธ ขอตัวนอนในรถตัวเองแทน และแกยังแซวว่า ระวังนะคืนนี้ จะมีเสียงมาจากห้องใต้หลังคา 5555555555 ขนลุกเลย




   จากนั้นก็พาลูกค้าไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของรีสอร์ทและนัดหมายเวลาในวันพรุ่งนี้.... คืนนี้พักผ่อนกันเถอะจ่ะZz....

....อรุณสวัสดิ์ยามเช้า ไม่อยากจะตื่นเลย เพราะมันหนาวมากกกกกกกกกกก   แต่เมื่อมองนาฬิกาแล้ว เราควรจะตื่นได้ละ เดี๋ยวจะไม่ทัน

    หลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จ ก็แยกย้ายกันเก็บสัมภาระ ไกด์เปิ้ลจึงพาเดินไปยังจุดชมทะเลหมอกของรีสอร์ท มันสวยงามมากๆ หมอกเต็มท้องฟ้าเลย มองเห็นบ้าน เห็นสวน เห็นยอดเขา เต็มไปหมด อากาศก็ดี ขออยู่ที่นี่ต่อได้มั้ยอ่า คือชอบอ่า อากาศมันบริสุทธิ์มากๆ เลยคิดไว้ว่ายังไงก็ต้องกลับมาอีก




  บ้ายบายยยรีสอร์ท ออกเดินทางต่อ...

     วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ สถานที่จะไปในวันนี้คือ  วัดผาซ่อนแก้ว วัดนี้ตกแต่งสวยมาก เค้าเอาพวกเครื่องชามเบญจรงค์มาประดับไว้เต็มวัดเลย





แถมยังมีนกยูงให้ดูกันแบบใกล้ๆอีก





       หลังจากเดินชมในวัดกันเสร็จ ก็ออกเดินทางสู่ทุ่งแสลงหลวง และ ทุ่งนางพญา แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าทั้งทุ่งแสลงหลวงและทุ่งนางพญาเข้าไปไม่ได้ เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก  พวกเราจึงปรึกษาหารือกัน และได้ถามลูกค้าว่าอยากไปล่องเรือชมแมงกระพรุนน้ำจืดและผีเสื้อมั้ย ลูกค้าตกลงจึงได้พาไปล่องเรือ พร้อมกับมีไกด์ท้องถิ่นบรรยายตลอด แกก็จะมีมุกตลกๆให้เราขำกันบ้าง ถึงแม้ส่วนมากมุกจะแปกก็เหอะ 5555555   สภาพอากาศแบบนี้ทำให้ไม่เห็นแมงกระพรุน แต่ลูกค้าก็โอเคเพราะได้ไปดูฝูงผีเสื้อนับร้อยตัว  







        หลังจากล่องเรือกันเสร็จก็ได้เวลาแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านมาลี ซึ่งเป็นร้านที่เปิดมานานนับ 30 ปี ยังดีหน่อยที่ไกด์เปิ้ลโทรไปคอนเฟริมร้านอาหารก่อน เพราะลูกค้าเยอะมาก จนบางรายรอไม่ไหวต้องแคนเซิลและเปลี่ยนร้าน เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาล พนักงานจึงลางานกลับบ้านกันหมด แต่ทางโต๊ะเราก็ได้อาหารเร็ว ลูกค้าจึงไม่ต้องรออาหารนาน ตอนไปเสริฟอาหารมีลูกค้าโต้ะอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าเรา เรียกเราไปสั่งอาหาร แต่ก็ได้บอกไป ว่าไม่ใช่พนักงานค่ะ เป็นstaffทัวร์ คนที่ได้ยินก็ฮากันหมด(เราดูเหมือนเด็กเสริฟขนาดนั้นเลยหรอ = =")


      หลังจากทานอาหารกันเสร็จก็พาลูกค้าไปสักการะพระบรมธาตุกาญจนาพิเศษและแวะตำหนักเขาค้อ จากนั้นปล่อยให้ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย และเดินทางกลับกทม. แวะซื้อของฝากที่ร้านไร่กำนันจุล พอตกตอนเย็น ได้ปล่อยให้ลูกค้าทานอาหารเย็นกันตามอัธยาศัย ลูกค้าทุกท่าน ก็ได้พากันขอบคุณเราและไกด์ที่ได้ดูแลกันตลอดทริป ส่วนเราก็ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจให้เรามาคอยบริการส่งมอบความสุข และก็ขอขอบคุณไกด์เปิ้ลที่สอนงานและเล่าประสบการณ์ในการออกทัวร์ของพี่เค้า และขอขอบคุณบังเมธี ที่ขับรถมาส่งหน้าบ้านเลย 
  ทุกคนประทับใจกันมาก จากนั้นมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ หลับกันยาวๆ พร้อมความประทับใจที่ไม่มีวันลืม




เครดิตข้อมูล :  ทัวร์เชียงคาน เขาค้อ